
คนไทยเราอาจจะชินกับชื่อที่เป็น ‘อะไรก็ได้’ หรือ ‘สะกดอย่างไรก็ได้’ ไม่ว่าจะพ่อแม่ตั้งให้ พระตั้งให้ หรือตั้งเองตอนโต เราสามารถประดิษฐ์ถ้อยคำหรือหยิบจับอะไรมาเป็นชื่อให้ตัวเองก็ได้แทบทั้งนั้น (ยกเว้นก็แต่ห้ามมีคำหยาบและพ้องกับชื่อของพระมหากษัตริย์ พระราชินี และราชทินนาม) ยิ่งเป็นเด็กรุ่นใหม่ๆ เราก็ยิ่งเห็นความครีเอทในการตั้งชื่อให้ไม่เหมือนใครและท้าทายการอ่านมากขึ้นทุกที
แต่ที่ญี่ปุ่น ซีนในการตั้งชื่อเด็กน้อยนั้นกำลังจะต่างออกไป เพราะล่าสุดนี้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามพ่อแม่ตั้งชื่อลูกในแบบ ‘คิระ คิระ’ หรือฟรุ้งฟริ้งวิ้งวับ หลังจากที่ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นบางส่วนเริ่มหันหลังให้กับชื่อภาษาญี่ปุ่นตามขนบอย่างฮิคาริ หรือ ฮารุโตะ แล้วหันมาตั้งชื่อลูกให้ยูนีคหรือพ้องไปกับวัฒนธรรมป๊อปกว่าที่เคย อย่างเช่น ปิกาจู ไนกี้ คิตตี้ หรือพุดดิ้ง ฯลฯ
ในทางกลับกัน ชื่อคิระ คิระเหล่านี้ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างความสับสนยุ่งยากให้กับสถานบริการของรัฐไม่ว่าจะโรงเรียน โรงพยาบาล หรือใดๆ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้ว่าชื่อเหล่านี้อ่านอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อสะกดด้วยตัวอักษรคันจิ ซึ่งเป็นภาษาราชการของญี่ปุ่น เพราะตัวอักษรคันจิแต่ละตัว สามารถอ่านออกเสียงได้หลายแบบและการจะดูว่าอักษรตัวนั้นอ่านอย่างไรก็ต้องประกอบกับบริบทและคำที่แวดล้อม ดังนั้นชื่อที่โลดโผนและไร้บริบทประกอบจึงอ่านออกเสียงได้ยาก
และนั่นจึงทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจห้ามพ่อแม่ตั้งชื่อจริงของลูกในแบบคิระ คิระ หรือใช้การสะกดแบบผิดหลักการ เพื่อลดความยุ่งยากในการอ่านออกเสียงไปเสีย
แน่นอนว่าข้อห้ามนี้สร้างข้อถกเถียงอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น โดยคนส่วนหนึ่งมองว่ากฎข้อนี้เป็นการจำกัดเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความเป็นปัจเจกผ่านชื่อเสียงเรียงนามของตัวเอง และชื่อเหล่านี้ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร หากแต่เป็นฝ่ายข้าราชการหรือเปล่า ที่ต้องปรับตัวกับชื่อของคนยุคใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยกฎของญี่ปุ่นที่คู่แต่งงานต้องใช้นามสกุลเดียวกันเท่านั้น ก็ทำให้หลายๆ นามสกุลของฝ่ายหญิงถูกกลืนหายไปจนมีการคาดการณ์ว่าในอีก 500 ปี คนญี่ปุ่นจะมีนามสกุล ‘ซาโต้’ เหมือนกันทั้งประเทศ และยิ่งเมื่อรัฐจำกัดกรอบในการตั้งชื่อด้วยแล้ว อัตลักษณ์ตัวตนที่แสดงผ่านชื่อของคนญี่ปุ่นก็จะยิ่งถูกบีบอัดให้เหลืออยู่เพียงไม่กี่แบบ
ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งก็มองว่าการหลีกเลี่ยงชื่อคิระ คิระเหล่านี้ มีส่วนช่วยให้เด็กไม่ต้องถูกบูลลี่จากคนที่ไม่เข้าใจ เนื่องจากในสังคมญี่ปุ่นคนส่วนใหญ่ยังมีชื่อไปในทางเดียวกัน คนที่มีชื่อต่างออกไปจึงจะกลายเป็นจุดสนใจและอาจถูกล้อเลียนได้ง่าย อีกทั้งชื่อตามขนบยังง่ายกว่าในการใช้ชีวิตเช่นการเปิดบัญชีธนาคาร หรือการลงทะเบียนใดๆ ซึ่งในแง่หนึ่งก็สะท้อนว่าคนญี่ปุ่นจำนวนมากยังเชื่อและชินในการไหลไปตามสังคมอย่างเป็นระเบียบ และมองว่าการมีตัวตนที่แตกต่างนั้นมีความหมายในแง่ลบมากกว่าบวก
คุณเองล่ะ คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง?
อ้างอิง
https://edition.cnn.com/2025/05/28/asia/japan-kirakira-unusual-names