menu
menu
บ้าน

"ซื้อบ้าน“ แบบคนวางแผน “การเงิน” เป็น! 5 หมากแรกที่ต้องวางให้แม่น ก่อนขยับเข้าใกล้ “บ้านในฝัน” 

Thairath Money
25/05/2025 04:15:00

การมีบ้านสักหลัง สำหรับคนไทยหลายคนไม่ใช่แค่เรื่อง “ฝันใหญ่” หากแต่เป็น “ฝันไกล” ที่ดูเอื้อมไม่ถึง ด้วยราคาบ้านปรับขึ้นทุกปี แต่รายได้กลับไม่ได้เติบโตตาม ขณะที่ค่าใช้จ่ายรอบตัวก็เพิ่มขึ้นตามอายุ 

จุดบอด ที่หลายคนมองว่าขอแค่มี “เงินดาวน์” ก็พร้อมกู้ซื้อบ้านได้เลย แต่ในความจริงแล้ว การมีบ้านไม่ได้จบแค่การวางเงินก้อนแรกยังมีค่าใช้จ่ายอีกมากที่ซ่อนอยู่ ทั้งค่าธรรมเนียม ค่าตกแต่ง ค่าประเมิน ค่าส่วนกลาง ไปจนถึงดอกเบี้ยที่พอกพูนในระยะยาว

ส่วนสิ่งที่ทำให้บ้านในฝันกลายเป็นภาระที่หนักอึ้งก็คือ “แผนการเงิน”ที่ไม่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ต้นนั่นเองเพราะการมี “บ้าน”ไม่ใช่เรื่องของโชค แต่คือ “กลยุทธ์การเงิน” ที่ต้องเริ่มให้ถูกทาง

ในบทความนี้ ชวนมาเตรียมความพร้อม 5 เรื่องสำคัญ ก่อนวางแผน “ซื้อบ้าน” แบบฉบับมืออาชีพ

5 เรื่องสำคัญ ก่อนวางแผน “ซื้อบ้าน”


1.เลือกที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับรายได้ การวางแผนซื้อบ้านอย่างเป็นระบบถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางอสังหาฯ ผู้บริโภคควรเลือกบ้าน/คอนโดฯ ในฝันที่เหมาะสมกับสถานภาพทางการเงินเป็นหลัก โดยนำรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วในแต่ละเดือนมาคำนวณวงเงินกู้สูงสุดที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อหางบประมาณที่เหมาะสมในการซื้อที่อยู่อาศัย จากนั้นจึงพิจารณาความต้องการและไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในครอบครัวเพื่อเลือกประเภทที่อยู่อาศัยและทำเลที่ตอบโจทย์ 


2.เรียนรู้การสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคง การบริหารจัดการแผนการเงินอย่างเป็นระบบจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ ได้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากอสังหาฯ ถือเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงและผ่อนชำระยาวนาน จึงจำเป็นต้องมีแผนการเงินที่รอบคอบเพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต

โดยผู้บริโภคควรเก็บออมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านทั้งในส่วนเงินดาวน์และค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้ ผู้กู้ควรมีรายจ่ายไม่เกิน 40% ของรายได้ รวมไปถึงมีการออมเงินเพื่อเป็นกองทุนสำรองในกรณีฉุกเฉิน โดยควรตั้งเป้าหมายในการออมเงินสำรองให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย 3-6 เดือน ก่อนที่จะซื้อที่อยู่อาศัย


3.เครดิตการเงินดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ประวัติการเงินที่ดีถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นตัวบ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือและความสามารถในการชำระหนี้ โดยผู้บริโภคควรเริ่มสร้างประวัติทางการเงินที่ดีโดยชำระหนี้ต่าง ๆ ให้ตรงเวลา และพยายามลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระหนี้และลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธสินเชื่อ

โดยธนาคารส่วนใหญ่จะพิจารณาความสามารถในการจ่ายชำระหนี้คืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ประกอบกับอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) รวมถึงความมั่นคงของรายได้ที่ผู้กู้จะนำมาชำระหนี้ในอนาคต เพื่อประเมินความเสี่ยงทางการเงินก่อนพิจารณาอนุมัติสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ของธนาคารต่อไป  

4.เช็กให้ชัวร์ก่อนยื่นกู้ด้วย “Pre-approve” การทำ “Pre-approve สินเชื่อบ้าน” หรือการยื่นประเมินสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเบื้องต้นกับธนาคาร เป็นการขอตรวจสอบสถานภาพทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะพิจารณาจากราคาขายที่อยู่อาศัยที่ผู้ขอสินเชื่อแจ้งไว้ ประกอบกับรายได้-รายจ่าย รวมทั้งเครดิตหรือความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ หากทำ Pre-approve ผ่าน หมายความว่าผู้บริโภคมีโอกาสที่จะขอสินเชื่อผ่านสูง แต่ถ้าผลไม่ผ่านก็ยังไม่ควรที่จะซื้อในเวลานี้

นอกจากนี้ ข้อดีของการทำ Pre-approve คือทำให้ผู้บริโภคทราบว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในวงเงินประมาณนี้หรือไม่ ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในการวางแผนขอวงเงินสินเชื่อและการเลือกธนาคาร หรือหาก Pre-approve ไม่ผ่าน ก็ช่วยให้ทราบว่าต้องปรับปรุงส่วนใดเพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ และนำไปแก้ไขก่อนยื่นกู้จริงในอนาคต


5.เปรียบเทียบโปรโมชั่นเด็ด คว้าดีลที่ดีที่สุด ในสภาวะที่ตลาดมีการแข่งขันสูง บริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ต่างแข่งขันนำเสนอโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรติดตามโปรโมชั่นของโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มวางแผนซื้อเพื่อไม่ให้พลาดข้อเสนอที่ดีที่สุด โดยเฉพาะโครงการที่ร่วมมือกับธนาคารต่าง ๆ ให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษซึ่งจะมีระยะเวลาโปรโมชั่นเพียงชั่วคราว

จากนั้นจึงนำมาเปรียบเทียบว่าโปรโมชั่นจากโครงการใดที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ได้ครอบคลุมมากที่สุดทั้งด้านการเงิน ทำเล และไลฟ์สไตล์ ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรทำความเข้าใจเงื่อนไขและรายละเอียดของโปรโมชั่นต่าง ๆ อย่างละเอียด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามพนักงานก่อนตัดสินใจ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในภายหลัง 

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อบ้าน /คอนโดฯ

1.รายจ่ายต่อเดือนอาจไม่ได้มีแค่แค่ผ่อนบ้าน อาจมีค่าส่วนกลางสำหรับผู้ที่ซื้อคอนโด หรือ บ้านในหมู่บ้านจัดสรร

2.ธนาคารไม่ได้ดูแค่รายได้ถึงจะปล่อยกู้ แต่จะดูหนี้สินด้วย รายได้เยอะ แต่หนี้สินเยอะ ก็อาจกู้ไม่ผ่านได้ 

3.อัตราดอกเบี้ยและวงเงินกู้ สำหรับบ้านมือหนึ่งและบ้านมือสองมักต่างกัน 

4.ผ่อนได้นานสุด 40 ปี แต่ยิ่งผ่อนนาน ดอกเบี้ยที่จ่ายยิ่งเยอะ

5.กู้ตกแต่งบ้านระวังดอกเบี้ยสูง

ที่มา : ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ,home.co.th

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney

โดย Thairath