
ภาวะไขมันในเลือดสูง คือ ภาวะผลตรวจไขมันในเลือดชนิด คอลเลสตอรอล (Cholesterol) และ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) เกิดการอุดตันภายในทางเดินหลอดเส้นเลือดส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ทำให้การขนส่งของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และน้ำเลือดนั้น ไม่สามารถลำเลียงส่งไปยังส่วนอวัยวะภายในร่างกายเพื่อทำการหล่อเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ และไขมันบางส่วนที่ไม่ได้รับการย่อยสลายจากตับนั้น อาจรั่วไหลไปยังส่วนไตและถูกรองจนขับออกมาในรูปแบบของเสียสถานะของเหลวจากการตรวจปัสสาวะได้

ด้วยภาวะไขมันในเลือดสูง เป็นภัยเงียบที่ผู้ป่วยไม่สามารถเห็นสภาพอาการระบบการทำงานเส้นเลือดได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปี เป็นสิ่งสำคัญในการตรวจไขมันในเลือดของร่างกายคุณได้อย่างชัดเจนว่า มวลไขมันปัจจุบันของคุณมีมวลสะสมอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อเป็นวินิจฉัยให้แพทย์แนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการควบคุมไขมันได้อย่างถูกต้อง
สาเหตุของภาวะไขมันในเลือดสูง
จุดเริ่มต้นของภาวะไขมันในเลือดสูง คือพฤติกรรมการบริโภคของผู้ป่วย ที่เน้นทานอาหารที่มีไขมันที่ไม่ดีและไขมันเลวเข้าไปในปริมาณเกินความจำเป็นต่อร่างกายมากเกินไป ทำให้พบไขมันชนิดอื่น ๆ จากการตรวจคอเลสเตอรอลและการตรวจตรวจไตรกลีเซอไรด์ในไขมันองค์ประกอบหลักของร่างกายนั้น เกิดการล้นจนเป็นภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดในที่สุด
อีกทั้งการไม่ออกกำลังกาย เป็นหนึ่งปัจจัยที่การเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ และก่อให้เกิดไขมันสะสมอีกด้วย รวมถึงกรรมพันธุ์ของครอบครัวที่มีปัญหาการผลิตฮอร์โมนในการแปลงสภาพไขมันเป็นพลังงานเสื่อมสภาพ มีผลตรวจเบาหวานและไทรอยด์ เป็นต้น
วิธีสังเกตอาการ
การสังเกตเพื่อตรวจไขมันในเลือดแบบเบื้องต้น ผู้ป่วยจะมีอาการจุกเสียด แน่นบริเวณหน้าอก หายใจไม่ทั่วท้อง ส่งผลไปถึงอาการใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ลักษณะทางด้านกายภาพมือเท้าสั่น เหนื่อยง่าย วินเวียนศีรษะ หน้ามืดและหมดสติชั่ววูบได้
หากละเลยการตรวจไขมันในร่างกาย อาจทำให้เกิดไขมันสะสมจนก่ออันตรายต่อระบบร่างกายให้เกิดโรคแทรกซ้อน และมีความเสี่ยงสูงที่ภาวะไขมันอุดตันนี้คร่าชีวิตผู้ป่วยได้ หากใครมีลักษณะอาการดังกล่าวบ่อย ๆ ควรทำการตรวจไขมันในเลือดโดยเร็วที่สุด
การตรวจไขมันในเลือด
การตรวจ Lipid Profile หรือ การตรวจไขมันในเลือด คือ การเช็คระดับไขมันทุกส่วนประกอบของเส้นเลือดในร่างกายทั้งหมด เช่น ไขมันชนิดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันชนิดเลว และไขมันชนิดดี มีการไหลเวียนที่ปกติหรือมีปริมาณการอุดตันในหลอดเลือดมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำผลการตรวจระดับไขมันในเลือดไปวินิจฉัยภาวะโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากภาวะขาดเลือดเช่น โรคหัวใจ และภาวะไขมันในหลอดเลือดสูงจาเกิดการอุดตันอย่าง โรคหลอดเลือดตีบตัน
ตรวจไขมันในเลือด ตรวจอะไรบ้าง ?
คอเลสเตอรอล (Cholesterol)
คือไขมันชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในผนังเซลล์ทุกส่วนของอวัยวะภายในร่างกายทั้งหมด และเป็นไขมันที่ประกอบในน้ำดีในตับ สำหรับย่อยสลายสารไขมันอีกด้วย ปริมาณของคอเลสเตอรอลจะเพิ่มหรือลดลง ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยบริโภคอาหารที่มีสารคอเลสเตอรอลมากน้อยแค่ไหน เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน หนังสตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่ นม และสัตว์ทะเลปลา กุ้ง ปู เป็นต้น
หากตรวจไขมันในเลือดและพบว่าปริมาณการตรวจ Cholesterol มีมากเกินความต้องการของร่างกาย ไขมันส่วนเกินนี้จะเกาะกลุ่มบริเวณผนังหลอดเลือดจนเกิดเส้นเลือดอุดตัน นำไปสู่ภาวะขาดเลือดอย่างโรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองอุดตันได้
ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
ไขมันที่ร่างกายเกิดจากการสังเคราะห์ภายในตับ ปริมาณของไตรกลีเซอไรด์ จะเพิ่มหรือลดลง ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยบริโภคอาหารที่่เป็นไขมันแท้โดยตรง และสารอาหารที่มีน้ำตาลประกอบสูง เช่น แอลกอฮอลล์ เครื่องดื่มผสมน้ำตาล น้ำมัน แป้ง ผลไม้รสหวานจัด เนยในส่วนประกอบของหวาน เป็นต้น
หากตรวจไขมันในเลือดและพบว่าปริมาณการตรวจ Triglyceride มีมากเกินความต้องการของร่างกาย ไขมันส่วนเกินนี้จะเกาะกลุ่มเนื่อเยื่อภายในส่วนของอวัยวะภายในร่างกายจนพอกพูน นำไปสู่ภาวะไขมันสะสมอย่างโรคไขมันเกาะตับ โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งเต้านม
ไขมันชนิดเลว (Low Density Lipoprotein: LDL)
สารไขมันที่เป็นตัวนำเลี้ยงคอเลสเตอรอลพัดพาไปสู่อวัยวะภายในร่างกายต่าง ๆ ปริมาณของไขมันเลวจะเพิ่มหรือลดลง ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยบริโภคอาหารที่่มีสารไขมันเลวมากน้อยแค่ไหน เช่น น้ำมันจากสัตว์ กะทิ เนย ครีมเทียม มาการีน และมันฝรั่งทอด เป็นต้น
หากตรวจไขมันในเลือดและพบว่าปริมาณไขมันชนิดเลวฃ มีมากเกินความต้องการของร่างกาย ไขมันส่วนเกินนี้จะเกาะกลุ่มตามผนัวเส้นเลือดไปทั่วตามร่างกายจนท่อนำเลียงเลือดอุดตัน นำไปสู่ภาวะเส้นหลอดเลือดตีบตัน
ไขมันชนิดดี (High Density Lipoprotein: HDL)
สารไขมันที่เป็นท่อนำเลียงไขมันจากอวัยวะภายในและกรดไขมันทั้งหมด นำไปสู่การย่อยสลายที่อวัยวะส่วนตับและผลิตน้ำดีออกมา อีกทั้งไขมันดีจะช่วยกีดกันไขมันเลวจากการสะสมในบริเวณหลอดเลือดแดงอีกด้วย อาหารที่มีส่วนประกอบไขมันชนิดดี เช่น เนื้อปลาที่มีกรดไขมันสูง ชีส ไข่เต็มฟอง อะโวคาโด และดาร์ดช็อกโกแลต เป็นต้น
ใครควรเข้ารับการตรวจไขมันในเลือด
- ชายและหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป
- บุคคลที่เสพสารเสพติดอย่างสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
- กรรมพันธ์จากคนในครอบครัวที่มีประวัติ โรคหัวใจ ไทรอยด์ และไขมันในเลือดสูง
- บุคคลที่มีดัชนีมวลน้ำหนักจากการคํานวณค่า BMI (Body Mass Index) ที่สูงกว่าตามมาตรฐาน
- บุคคลที่แสดงอาการผิดปกติทางกายภาพเช่น แน่นหน้าอก หน้ามืด ใจสั่น วินเวียนศีรษะร่วมติดต่อกัน
ผลตรวจระดับไขมันในเลือด
การอ่านค่าไขมันในเลือด เป็นการตรวจเช็คไขมันทุกชนิดในร่างกายของผู้ป่วยให้ทราบว่า ผลตรวจไขมันในเลือดทั่วทั้งร่างกายอยู่ระดับเกณฑ์ไหนบ้าง โดยแบ่งระดับเป็น 3 รูปแบบดังนี้
- ไขมันคอลเลสตอรอลชนิดดี (HDL)
- ระดับไขมันเกณฑ์มาตรฐาน 60 Ml/dL.
- ระดับไขมันเกณฑ์สูง-ต่ำกว่ามาตรฐาน 35-45 Ml/dL.
- ระดับไขมันเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ < 35 Ml/dL.
- ไขมันคอลเลสตอรอลชนิดเลว (LDL)
- ระดับไขมันเกณฑ์มาตรฐาน 60-130 Ml/dL.
- ระดับไขมันเกณฑ์สูง-ต่ำกว่ามาตรฐาน 130-159 Ml/dL.
- ระดับไขมันเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ 160-189 Ml/dL.
- ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
- ระดับไขมันเกณฑ์มาตรฐาน < 150 Ml/dL.
- ระดับไขมันเกณฑ์สูง-ต่ำกว่ามาตรฐาน 150-199 Ml/dL.
- ระดับไขมันเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ 200-499 Ml/dL.
- ปริมาณไขมันทั้งหมด
- ระดับไขมันเกณฑ์มาตรฐาน < 200 Ml/dL.
- ระดับไขมันเกณฑ์สูง-ต่ำกว่ามาตรฐาน 200-239 Ml/dL.
- ระดับไขมันเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ 240 Ml/dL.
วิธีรักษาไขมันในเลือดสูง
วิธีรักษาไขมันในเลือดสูงแบบเบื้องต้น ทางแพทย์จะให้ยาลดสารไขมันในเส้นเลือด เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อนจากไขมันเกินความต้องการของร่างกาย โดยยาสำหรับรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงนิยมเป็นยาประเภท 3 กลุ่มได้แก่
- ยากลุ่มสแตติน (Statins) มีคุณสมบัติลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว ในเลือด
- ยากลุ่มไฟเบรต (Fibrates หรือ Fibric Acid Derivatives) ยากลุ่มกรดนิโคตินิก (Nicotinic Acid) และยากลุ่มอะนาล็อก (Analogue) มีคุณสมบัติลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคอลเลสตอรอลในเลือด
- กลุ่มยาต้าน HIV ในกลุ่มโปรตีเนสอินฮิบิเตอร์ (Protease Inhibitor) เช่น เจ็มไฟโบรซิล (Gemfibrozil) ไซโคลสปอริน (Cyclosporine)
นอกจากการทานยาแล้ว ผู้ป่วยสามารถปรับพฤติกรรมในกิตวัตรประจำวันที่ลดความเสี่ยงจากกาiเพิ่มปริมาณไขมันในร่างกายด้วยการทานอาหารประเภทโปรตีน และกินอาหารคลีนมากขึ้น หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารที่ใช้ส่วนประกอบเป็นน้ำมันสัตว์ และงดของกินจุกจิกอย่างขนมเค้ก ดื่มน้ำเปล่า พักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมออกกำลังกายลดไขมันร่างกายเพิ่มการเผาพลาญมากขึ้น อีกทั้งหมั่นตรวจไขมันในเลือดเพื่อติดตามปริมาณไขมันในร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์