เทศกาลกินเจ 2568 คุณแม่ที่ตั้งครรภ์หลายคนอาจมีคำถามว่า ขณะตั้งครรภ์สามารถกินอาหารเจได้หรือไม่ ประเภทไหนบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง และถ้าหากจะกินเจอย่างเดียวควรเน้นอาหารประเภทไหนเป็นพิเศษ
ไตรมาสแรก (อายุครรภ์ก่อน 14 สัปดาห์)
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทารกกำลังสร้างอวัยวะ ‘การกินอาหารเจ’ ไม่ได้มีรายงานว่าทำให้เกิดความผิดปกติของทารก หากคุณแม่ยังได้รับสารอาหาร รวมไปถึงวิตามิน และ Folic Acid อย่างเพียงพอ

ในช่วงนี้คุณแม่จะกินได้น้อย หลายๆ คนมีอาการแพ้ท้อง ทำให้การรับประทานอาหารเจที่เป็นของทอดหรือของมัน จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ท้องแย่ลง และทำให้ร่างกายไม่อยากอาหาร รวมถึงการกินผักและผลไม้บางชนิดที่ก่อให้เกิดแก๊ส เช่น ผักตระกูลกะหล่ำ ถั่ว จะกระตุ้นให้คุณแม่ที่ท้องอืดได้ง่ายอยู่เดิมมีอาการท้องอืดได้ง่ายขึ้น และจะยิ่งทำให้มีอาการแพ้ท้องเป็นมากขึ้น
ไตรมาสที่ 2 และ 3 (หลัง 14 สัปดาห์ เป็นต้นไป)
ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโต และยิ่งในภาวะที่ทารกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทารกจะนำโปรตีนจากคุณแม่ไปใช้ก่อนสารอาหารประเภทอื่นๆ โดยปกติในสตรีตั้งครรภ์จะมีความต้องการโปรตีนที่มากกว่าคนทั่วไป โดยความต้องการโปรตีนในแต่ละวันอยู่ที่ 1-1.1 g/kg/day ตลอดการตั้งครรภ์
หากคุณแม่ต้องการกินเจแนะนำให้กินอาหารจำพวกโปรตีนจากพืชทดแทนให้ได้ตามปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับในแต่ละวัน เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาทารกโตช้าหรือมีน้ำหนักตัวน้อยในครรภ์ และนอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 2 (โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงอายุครรภ์ 24-28 สัปดาห์) ซึ่งสตรีตั้งครรภ์จะมีภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินได้มากขึ้น ทำให้เกิดการเผาผลาญอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลผิดปกติได้ง่ายและนำไปสู่การเกิดภาวะเบาหวาน
ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลหรือปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคุณแม่ที่เสี่ยงต่อภาวะเบาหวาน หรือเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์หรือน้ำหนักตัวขึ้นเกินเกณฑ์ในระหว่างการตั้งครรภ์จึงควรงดอาหารประเภทดังกล่าวข้างต้น
สรุปอาหารเจที่ควรหลีกเลี่ยงในสตรีตั้งครรภ์ คือ อาหารจำพวกของทอดของมัน และอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูง นอกจากนี้ สตรีตั้งครรภ์ยังควรได้รับสารอาหารและวิตามินให้ครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘โปรตีน’ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3