
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในงาน TAT STRATEGIC DIRECTION 2026 : TATSD26 ถึงภาพรวมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยว่า แม้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเผชิญความท้าทายหลากหลาย แต่ในช่วงครึ่งปีแรกไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 18.08 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้มากกว่า 1.40 ล้านล้านบาท รัฐบาลจึงเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวในฐานะฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

โดยได้อนุมัติงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 4,518 ล้านบาท สำหรับดำเนินการ 22 โครงการหลัก เพื่อเดินหน้าการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ส่วนเป้าหมายปี 2569 ททท.เสนอเป้าหมาย รายได้รวม 2.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2568 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7% รายได้ 1.63 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ตลาดในประเทศ 214 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5% สร้างรายได้ 1.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%
ดันแนวคิด “5 New Paradigm” พลิกโฉมท่องเที่ยวไทย
นายสรวงศ์ ระบุว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ พร้อมผลักดัน 5 แนวคิดใหม่ (5 New Paradigm) ได้แก่
(1)New Customer – มุ่งหาตลาดใหม่ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง
(2)New Product & Experience – ยกระดับแหล่งเที่ยว Hidden Gems สู่มาตรฐานสากล ผ่านเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO
(3)New Partnerships – สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและความร่วมมือระดับประเทศ
(4)New Marketing Strategy – ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก ภายใต้แนวคิด Thailand by your own eye
(5)New Key Performance Indicator (KPI) – เน้นการท่องเที่ยวคุณภาพ กระจายรายได้ทั่วถึง ยกระดับสู่เมืองน่าเที่ยว
พร้อมกันนี้ นายสรวงศ์ ยังกล่าวถึงโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ว่า ขณะนี้ยังเหลือสิทธิ์มากกว่า 341,000 สิทธิ์ แบ่งเป็นเมืองหลัก 22 จังหวัดจำนวน 192,528 สิทธิ์ และเมืองรอง 55 จังหวัดจำนวน 149,089 สิทธิ์ โดยขอให้ประชาชนเข้าร่วมลงทะเบียนและออกใช้สิทธิ์กันเยอะๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวในประเทศ
SEA Games 2025 คาดเงินสะพัด 1.7 หมื่นล้านบาท
นายสรวงศ์ กล่าวอีกว่า ปลายปีนี้ไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ SEA GAMES THAILAND 2025 ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568 โดยคาดว่าจะมีนักกีฬาและผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 คน และผู้ชมกว่า 500,000 คน สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 17,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 14,000 คน
ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของรัฐบาลที่จะพา Local ไปสู่ Global ด้วยวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของไทย เพื่อให้โลกได้รู้จักและจดจำประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางสำคัญของโลก
นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังประสานความร่วมกับมือกับกระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในการผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทยสู่ระดับโลก

ปรับ “กระบวนทัศน์การท่องเที่ยวไทย” ภายใต้แนวคิดหลัก “Stay Focus”
ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ปี 2569 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับ “กระบวนทัศน์การท่องเที่ยวไทย” ภายใต้แนวคิดหลัก “Stay Focus” โดยมีจุดเน้น 4 ด้านหลัก ได้แก่
(1)ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมสู่ การท่องเที่ยวคุณภาพ
(2)กระจายโอกาสสู่ท้องถิ่นอย่างสมดุล
(3)ออกแบบประสบการณ์ที่ตรงใจนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม พร้อมสร้างความเชื่อมั่น
(4)ดัน Soft Power – วางเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวเป็น ต่างประเทศ 58% – ในประเทศ 42% พร้อมตั้งเป้าให้ไทยติด 1 ใน 10 ประเทศ ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดของโลก
กลยุทธ์รุกตลาดต่างประเทศ – เจาะกลุ่มเป้าหมายศักยภาพสูง
นางสาวฐาปนีย์ ระบุว่า ททท. เตรียมทำการตลาดเชิงรุก 2 มิติหลัก ได้แก่:
1.มิติกลุ่มตลาด (Market Segment):
-Millennials, Gen Z
-กลุ่ม Luxury
-กลุ่ม Health & Wellness
2. มิติกลุ่มพื้นที่ (Market Area): แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่ม Priority:
-จีน ฮ่องกง สร้างภาพลักษณ์ใหม่-ขยายเมืองใหม่
-มาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ – กระตุ้นฐานเดิม ขยายกลุ่มใหม่
-อินเดีย ญี่ปุ่น เจาะ Quality Leisure
-รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส เยอรมนี เน้น High Value, สร้าง New Million Market
กลุ่มขนาดกลาง-เล็ก:
-ระยะใกล้ เช่น ไต้หวัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
-ระยะไกล เช่น ออสเตรเลีย อิตาลี สเปน สแกนดิเนเวีย – สื่อสารภาพไทยเป็น Green Destination และ Long Stay Paradise
กลุ่ม High Value:
-ตลาดตะวันออกกลาง ดัน Premium Leisure, Health & Wellness
-เดินหน้า Airline Focus เพิ่มเที่ยวบินและที่นั่ง
ตลาดในประเทศยังเป็นหัวใจหลัก – ส่งเสริม “เที่ยวไทยเชิงลึก”
นางสาวฐาปนีย์ ยังเน้นย้ำว่า ตลาดในประเทศยังเป็นแกนหลักในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่แข็งแรง โดยใช้ กลยุทธ์การตลาดเชิงพื้นที่ ผสานการออกแบบสินค้าและบริการเชิงประสบการณ์
– กระตุ้นความถี่ในเมืองหลัก–เมืองรอง
– ขยายตลาด Health & Wellness
– ดันท่องเที่ยวข้ามภาค-ข้ามฤดูกาล
– ส่งเสริม Event Marketing และ Soft Power
พร้อมกันนี้ ททท. ได้ต่อยอดแบรนด์ “Amazing Thailand” ด้วยแนวคิด “Unforgettable Experience – ประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม” สื่อสารประเทศไทยในฐานะ “ดินแดนแห่งการเยียวยา” และ “Healing is the New Luxury” เพื่อให้ทุกการเดินทางมีความหมายยิ่งขึ้น
ดัน “สินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์” ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ททท. ยังเดินหน้าแปรรูป “ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น” ให้เป็น สินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยเน้นกลุ่ม Creative Products Focus เช่นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ – UNSEEN Destination – Unforgettable Experience
-กลุ่ม Wellness, Meditation
-กลุ่มมูเตลู ศรัทธา ความเชื่อ
-กลุ่มเส้นทางเฉพาะกลุ่ม เช่น คนโสด, LGBTQ, ตามรอยซีรีส์
-กลุ่ม Arts & Craft, Fashion
-กลุ่มกีฬา (Sport Tourism)
-กลุ่มท่องราตรี (Night Tourism)
-กลุ่ม Soft Power – 5 Must Do in Thailand ส่วนในด้านการเชื่อมต่อ (Connectivity) ททท. ได้จับมือกับพันธมิตรสายการบิน ทั้งเชิงพาณิชย์และเช่าเหมาลำ เพิ่มเส้นทางบิน เชื่อมเมืองหลัก-เมืองรอง ครอบคลุมทางบก น้ำ อากาศ และราง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
ปี 2569: จุดเปลี่ยน “จากเมืองน่าเที่ยว สู่เมืองทรงคุณค่า”
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปี 2569 จะเป็นปีแห่งความตั้งใจของภาคท่องเที่ยวไทยในการ “ยกระดับ–ปรับสมดุล–มุ่งสู่คุณภาพ” เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยจาก “จุดหมายปลายทางที่น่าเที่ยว” สู่ “จุดหมายปลายทางที่ทรงคุณค่า” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม อย่างแท้จริง